หนังสือ “Tiny Beautiful Things” เป็นหนึ่งในชุดคอลัมน์ให้คำปรึกษา ซึ่งเขียนโดยคุณ Cheryl Strayed หนังสือเล่มนี้รวมคอลัมน์ที่น่าจดจำของเธอ โดยเธอได้ให้คำปรึกษาอย่างซื่อสัตย์ และเห็นใจต่อผู้ที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง
เธอเสนอให้ผู้อ่าน ยอมรับความบกพร่องของตนเอง
และค้นหาความหมายในความเจ็บปวด
อีกทั้งเธอยืนยันว่า ผู้อ่านควรเป็นผู้ที่เมตตาต่อตนเองและผู้อื่น
กล้าที่จะเรียนรู้ และเดินไปสู่ความฝันของตน
ในบทความนี้ ทางเราจึงมี 8 บทเรียนชีวิตที่ได้เรียนรู้ จากหนังสือ Tiny Beautiful Things ดังนี้
1.”คุณไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้ใครรักคุณ”
คุณไม่สามารถโน้มน้าวให้ผู้คนรักคุณได้ นี่เป็นกฎที่แน่นอน ไม่มีใครจะมอบความรักให้คุณเพียงเพราะคุณต้องการให้เขาหรือเธอมอบให้ เพราะความรักไม่ใช่การเสียสละ หรือแลกเปลี่ยนกับการกระทำหรือความดี
Real love moves freely in both directions.
ความรักที่แท้จริงจะเคลื่อนไหวอย่างอิสระทั้งสองทิศทาง
2.”รู้ว่าเมื่อไหร่จะต่อสู้ แต่ก็รู้ว่าเมื่อไหร่ควรปล่อย”
หลายๆ อย่างจะดีขึ้นในที่สุด แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะดีขึ้น
บางครั้งคุณอาจต่อสู้ได้ดี และในบางครั้งก็อาจจะพ่ายแพ้ บางครั้งคุณอาจจะยึดมั่นอย่างหนัก แต่ก็ตระหนักได้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยมือ
การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรต่อสู้ และเมื่อไหร่ควรปล่อยไป ถือเป็นบทเรียนชีวิตที่มีค่าที่สามารถช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความเครียด และการขัดแย้งที่ไม่จำเป็นได้
เมื่อใดที่เราพบว่าสิ่งที่ตนเองต้องการนั้น
ใช้ทั้งเวลาและพลังงานโดยเสียเปล่า
ไม่คุ้มกับการใช้พลังงาน และความเครียดของคุณ
สิ่งที่คุณต้องทำคือ รู้จักที่จะหยุดและถอยออกมา
3.”คุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด”
คุณ Strayed เคยเล่าถึง การสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักของเธอ ซึ่งนั่นนำมาสู่ความตกต่ำในชีวิต เธอเริ่มต้นทำการตัดสินใจโดยไม่คิดถึงความเสี่ยง และทำตามความอยากของตัวเอง
เธอตกเป็นบุคคลที่ติดยาเสพติด
มีพฤติกรรมทางเพศ
และรู้สึกว่าตนเองหลงเข้าสู่สภาวะเรดาร์ในชีวิตพัง
ทำให้สูญเสียทิศทาง ที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
แต่ก่อนที่จะถึงจุดจบที่แย่ที่สุดในชีวิต เธอได้ตัดสินใจไปเดินป่าที่มีชื่อว่า Pacific Crest Trail ซึ่งยากลำบาก และไกลกว่า 1,100 ไมล์ โดยมีระยะทางตั้งแต่ Mojave Desert ไปจนถึง รัฐวอชิงตัน
ในช่วงการเดินป่า
เธอพบกับความท้าทายทางกายภาพ และทางอารมณ์มากมาย
เช่น สภาพอากาศที่ท้าทาย ความเสี่ยงจากสัตว์ป่า
ความไม่มั่นใจในความสามารถของตน
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงมีอุปสรรคเหล่านี้
เธอก็ยืนหยัด และทำให้การเดินป่าเสร็จสิ้นได้
หลังจากผ่านประสบการณ์ที่ใช้ทั้งกายภาพและจิตใจอย่างสาหัสนั้น เธอได้พบกับความแข็งแกร่งภายในตนเอง ทำให้เธอรู้สึกว่า “เธอสามารถทำได้มากกว่าที่เธอคิดไว้ก่อนหน้านี้”
แม้ว่าเราจะไม่สามารถฟื้นคืนความสูญเสียได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เราสามารถเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมกับความเจ็บปวด
และหาทางดำเนินชีวิตต่อไปได้
4.”คุณต้องดึงตัวเองให้ผ่านช่วงเวลาที่มืดมน
และเข้าสู่แสงสว่างให้ได้”
ทุกคนมีความเจ็บปวดและความทุกข์ในชีวิต แต่เราสามารถหาความสวยงามและความหมายในประสบการณ์เหล่านี้ได้
“แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของชีวิตของเรา
เรายังมีศักยภาพในการเจริญเติบโตและการฟื้นฟูได้”
ชีวิตของเราทุกคนเสมือนกับกราฟเส้น ที่ประกอบด้วยพีคสูงและพีคต่ำ ในช่วงหนึ่งของชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความสุขสำเร็จ และในช่วงหนึ่งของชีวิตก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ซึ่งในช่วงความทุกข์นี้แหละ คุณจะจัดการกับตัวเองอย่างไร?
ไม่มีใครสามารถปกป้องคุณจากความทุกข์ของคุณได้
คุณไม่สามารถร้องไห้ หรือกิน เพื่อลืมมัน
หรือเดินเพื่อลืม หรือต่อสู้ด้วยกำปั้น
เพราะมันก็ยังอยู่ตรงนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องเอาชีวิตรอดให้ได้
คุณต้องอดทนกับมัน
คุณต้องใช้ชีวิตเพื่อผ่านมันไปให้ได้ และเดินหน้าต่อไป
วิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไปสู่ความฝันที่สูงที่สุด
5.”ความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ”
คุณ Strayed ได้ให้คำแนะนำของการ “เป็นผู้รับฟังหรือที่ปรึกษาที่ดี”
เน้นความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจผู้อ่านอย่างลึกซึ้ง
ฟังอย่างตั้งใจ และตอบกลับ
ด้วยความเห็นอกเห็นใจ และความเมตตา
สิ่งนี้สอนให้เราเข้าใจว่า เมื่อเราให้คำแนะนำ
สิ่งสำคัญคือ การฟังอย่างตั้งใจ
และพยายามเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย
6.”การเอาใจใส่และเมตตาตนเองเป็นสิ่งสำคัญ”
เชื่อว่าใครหลายคนในที่นี้เวลาทำสิ่งใดผิดพลาด สิ่งที่ทำให้เราเสียใจที่สุดไม่ใช่คำพูดที่คนอื่นต่อว่าเรา แต่เป็นคำพูดที่อยู่ในจิตใจของเราที่มักด่าซ้ำเติมอย่างรุนแรง
“เรามักใจดีกับคนอื่น แต่เข้มงวดกับตัวเอง”
ดังนั้น คุณ Strayed ได้บอกถึงความสำคัญของการใจดีและพูดอย่างสุภาพกับตัวเอง และปล่อยวางการวิจารณ์ของตนเองไป ซึ่งก็คือการเรียนรู้ถึงความเห็นอกเห็นใจต่อตนเอง นี่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการมีสุขภาพจิตที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตไปข้างหน้าอย่างมีความสุขได้
7.”อย่ากลัวที่จะลองเสี่ยงเพื่อตามหาความฝันของเรา
แม้จะอยู่ภายในความกลัว หรือความไม่แน่นอนก็ตาม”
คุณ Strayed เชื่อมั่นว่า ผู้อ่านของเธอควรทำการเดินหน้าอย่างมั่นคง และตามหาความทุ่มเทในชีวิตของพวกเขา
คุณสามารถเอาชนะความกลัว
และความไม่แน่นอนได้คุณสามารถสร้างชีวิตที่เต็มเปี่ยม
ได้ด้วยความสุขและความหมายในชีวิต
8.”เราทุกคนมีความบกพร่องและไม่สมบูรณ์
และมันก็ไม่เป็นไร”
คุณ Strayed ชอบเตือนผู้อ่านของเธอว่า
ความสมบูรณ์แบบเป็นมาตรฐานที่เป็นไปไม่ได้
และว่าเราควรยอมรับความบกพร่อง
และความไม่สมบูรณ์ของเรา
เราทุกคนมีความผิดพลาดและไม่สมบูรณ์ แต่นั่นก็ “ไม่เป็นไร” เพราะนั่นเป็นสิ่งธรรมชาติ ของการเป็นมนุษย์
เราทุกคนต่างเคยทำผิดพลาด มีจุดอ่อน
และต้องเคยพลาดโอกาสต่างๆ ในชีวิตแต่เราไม่ควรพยายามซ่อนความผิดพลาด
หรืออายกับมัน แต่ควรยอมรับ
และใช้มันเป็นโอกาสสำหรับการปรับปรุงตนเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก
เว็บไซต์ : https://www.redonline.co.uk,
ผู้เขียนบทความ NATASHA LUNN