10 สัญญาณที่กำลังบอกว่า คุณใช้เวลาอย่างสูญเปล่า

Most people don’t have that willingness
to break bad habits.
They have a lot of excuses
and they talk like victims.

– Carlos Santana

คนส่วนใหญ่ “ไม่เต็มใจ” ที่จะเลิกนิสัยไม่ดีของตน พวกเขามักมีข้อแก้ตัวมากมายและพูดเหมือนว่าตัวเอง “ตกเป็นเหยื่อ” การที่เราเผลอทำตามกิจวัตรที่เป็นสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นเสมือนระเบิดที่นับเวลาถอยหลัง และถ่วงความก้าวหน้าในชีวิตของคุณ

ดังนั้น ในบทความนี้ทางเราจึงมีเช็กลิสมาให้ตรวจเช็กกัน
ถ้าคุณเข้าข่าย 10 สัญญาณที่กำลังจะบอกต่อไปนี้
แสดงว่า “คุณอาจกำลังใช้เวลาอย่างสูญเปล่าอยู่”

1. Wasting time doing useless things.
เสียเวลาทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์

เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่ต้องมีในยุคปัจจุบัน และโทรศัพท์เหล่านั้นก็สามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้มากมาย
อย่างไรก็ตาม บางครั้งที่เราหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์มากเกินจนเราลืมสิ่งที่สำคัญเรื่องอื่นๆ ไป

Remember, when we chase a fake virtual world,
we will lose our real life.

จำไว้ว่าเมื่อเราไล่ตามโลกเสมือนจริง
เราจะสูญเสียชีวิตจริงของเรา

ดังนั้น คุณควรหันกลับมาจัดลำดับความสำคัญในแต่ละวัน และวางแผนใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

2. Lack of sleep.
นอนไม่เพียงพอ

7-8 ชั่วโมง คือจำนวนชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมในแต่ละวัน

การนอนหลับที่เพียงพอจะทำให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้เราความพร้อมและจดจ่อกับแผนที่วางแผนไว้

นอกจากนี้ การนอนหลับยังช่วยให้เกิดการฟื้นฟูการทำงานของร่างกาย
สารเคมีในร่างกาย, สารสื่อประสาท ให้เกิดสมดุลที่ปกติ
รวมทั้งจัดระเบียบความจำที่เราได้รับมาในเวลากลางวันให้เป็นระบบ

3. Spending time with people who have negative energy.
เผลอใช้เวลากับคนที่ชอบคิดแง่ลบ

เราควรหลีกเลี่ยงคนที่ชอบคิดแง่ลบให้มากที่สุด มิฉะนั้นเราจะจมอยู่ในบ่อแห่งพลังงานลบที่คนเหล่านั้นสร้างขึ้น
ในทางกลับกัน เราต้องสร้างนิสัยที่ดีโดยการอยู่ใกล้คนที่มีพลังงานบวกจะช่วยลดความวิตกกังวล หรือความคิดแย่ๆ และเพิ่มความสุขของเราได้

เพราะสิ่งที่เราเป็น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เราอยู่

4. Always want to be in the comfort zone.
ชอบอยู่ใน Comfort Zone

Comfort zone แปลตรงตัวก็คือ พื้นที่แห่งความสบาย

แต่คนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยทุกคน
ไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ได้โดยรู้สึกสบายตลอดเวลา
พวกเขาจำเป็นต้องผลักดันตัวเองเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

5. Not planning for the future.
ไม่วางแผนสำหรับอนาคต

“คนที่มีแผนการสำหรับอนาคตจะไม่มัวแต่ฝันกลางวัน
แต่พวกเขามักจะมุ่งมั่นทำงานอย่างอดทน และสม่ำเสมอ
เพื่อทำให้ฝันเป็นจริง”

6. Spending money on things that are less important.
ใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญ

“กฎของการซื้อสินค้าคือ ไม่ควรซื้อเมื่อเรารู้สึกว่าเราสามารถซื้อมันได้
แต่เราจะซื้อเมื่อรู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องซื้อ”

หลายคนมักจะซื้อของเพียงเพราะ “ต้องการดูดีในสายตาคนอื่น” โดยไม่คิดก่อนว่าจำเป็นหรือไม่
เพราะฉะนั้น จงหยุดใช้จ่ายเงินโดยไม่จำเป็น

7. Too much complaining.
บ่นเยอะ

คนส่วนใหญ่ชอบบ่นตลอดเวลา พวกเขามักคิดว่า “ชีวิตไม่ยุติธรรม”
และชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

8. Not much to read and hear the positive.
ไม่ค่อยเสพสื่อในแง่บวก

คนบางกลุ่มอาจคิดว่า การอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ หรือฟังวิดีโอที่มีประโยชน์ “เป็นการเสียเวลาเปล่า”
แต่ความจริงแล้ว มีประโยชน์อยู่มากมาย

ตั้งแต่ ทำให้เรามีไหวพริบขึ้น
เฉียบแหลมขึ้น มีความจำที่ดีขึ้น
ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ความล้มเหลว และความสำเร็จของผู้อื่น

ตลอดชีวิต เราจะไม่ควรหยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ไม่สิ้นสุด
การเรียนรู้ทำให้เราพัฒนาตัวเอง พร้อมปรับตัวให้เข้ากับความท้าทาย
และรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตได้

9. Too trusting in the judgment of others.
เชื่อในการตัดสินของผู้อื่นมากเกินไป

เรามักจะกลัวการถูกปฏิเสธจากผู้อื่น และสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ “มักมีความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ”
แต่ความเป็นจริงแล้ว คำพูดของคนอื่น “มันไม่มีค่าอะไรเลย” เพราะการเดินทาง และความหมายของชีวิตของคุณ
มันเป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่คุณเกิดมา

 

10. Live to always work.
ใช้ชีวิตเพื่อทำงานอยู่เสมอ

A society where one of the keys to success
is determined by working hours.

มนุษย์เราอาศัยอยู่ในสังคมที่ว่า
หนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จ “ถูกกำหนดโดยชั่วโมงการทำงาน”

แน่นอนว่าเราต้องทำงานเพื่อหาเงิน แต่เมื่อชีวิตเรามุ่งแต่งานมากเกินไป
เราก็จะสูญเสียความสุขอื่นๆ ในชีวิตเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
เพื่อน ครอบครัว ความบันเทิง และประสบการณ์ใหม่ ๆ

จริงอยู่ว่าการมีหน้าที่การงานเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ควรให้มันเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญ ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราทำได้นอกเหนือจากงาน เพื่อสร้างความสุข และแรงผลักดัน เช่น ทำงานอดิเรก ไปเที่ยว สังสรรค์กับครอบครัว อ่านหนังสือ

ดังนั้น เราต้องคอยดูความพอดีระหว่างชีวิตกับการงาน เพื่อให้ชีวิตของเราเป็นชีวิตที่มี “สมดุลแห่งความสุข”

แชร์บทความนี้

บทความล่าสุด

NLP
ศาสตร์ NLP : สมรรถนะที่คุณควรรู้ เครื่องมือปลอดล็อกสมอง & จิตใต้สำนึก
ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทายของชีวิตประจำวัน เราต้องการเครื่องมือและเทคนิคที่ช่วยให้เราปรับตัวและเติบโตไปพร้อมๆ...
อ่านต่อ...
Coaching
ศาสตร์แห่งการ Coaching ทักษะของผู้นำในศตวรรษที่ 21
ถ้าพูดถึง Coaching บางคนอาจนึกถึงคนที่เป็น “ไลฟ์โค้ช” ที่พูดคำคม หรือสอนแนวคิดให้คนฟัง แต่จริงๆ...
อ่านต่อ...
วะบิซะบิ_wabi sabi
7 บทเรียนจากปรัชญา วะบิ- ซะบิ ความสุขของการยอมรับ "ความไม่สมบูรณ์แบบ"
ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนรอบตัวดูสมบูรณ์แบบไปหมด “ยกเว้นตัวเราเอง” พอไถฟีดโซเชียล ก็จะเห็นแต่ทุกคนที่ดูมีความสุข...
อ่านต่อ...
บทความที่เกี่ยวข้อง
NLP
ศาสตร์ NLP : สมรรถนะที่คุณควรรู้ เครื่องมือปลอดล็อกสมอง & จิตใต้สำนึก
ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทายของชีวิตประจำวัน เราต้องการเครื่องมือและเทคนิคที่ช่วยให้เราปรับตัวและเติบโตไปพร้อมๆ...
อ่านต่อ...
วะบิซะบิ_wabi sabi
7 บทเรียนจากปรัชญา วะบิ- ซะบิ ความสุขของการยอมรับ "ความไม่สมบูรณ์แบบ"
ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนรอบตัวดูสมบูรณ์แบบไปหมด “ยกเว้นตัวเราเอง” พอไถฟีดโซเชียล ก็จะเห็นแต่ทุกคนที่ดูมีความสุข...
อ่านต่อ...
12 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน by Dale Carnegie
12 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน by Dale Carnegie
12 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน by Dale Carnegie (How to Win Friends and Influence People) 1. หลีกเลี่ยงการโต้แย้ง 2....
อ่านต่อ...