รีวิวหนังสือ Into the Magic Shop เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนต์อยู่ในใจ

จะเป็นอย่างไร ถ้าบอกทุกคนว่า
ในโลกแห่งความจริงที่แสนวุ่นวาย
พวกเราทุกคน ต่างมีร้านมายากลเล็กๆ อยู่ในตัวเรา
เป็นสถานที่ที่เราสามารถไปได้ทุกเมื่อ
งดงาม และช่วยทำให้เราสงบ

หนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้วิธีการทำสมาธิ รู้เท่าทันความคิด และตระหนักถึงเสียงในหัวใจของตนเอง โดยหนังสือมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงของคุณ Dr. James R. Doty ประสาทศัลยแพทย์ผู้ก่อตั้ง และผู้อำนวยการศูนย์ CCARE แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

วันนี้ ทางเราจึงจะพาทุกคนมาถอด 6 บทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้จากหนังสือ Into the Magic Shop ดังนี้

1.“การทำสมาธิทำให้ร่างกายผ่อนคลาย จิตใจสงบ
และทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายในชีวิตมากขึ้น”

หนังสือได้เล่าเรื่องราวของ ‘จิม’เด็กที่ฐานะยากจน พ่อติดเหล้า และแม่เป็นซึมเศร้า สิ่งที่เขาชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจก็คือ การเล่นมายากล

วันหนึ่ง, ปลอกนิ้วพลาสติก ซึ่งเป็นอุปกรณ์สุดรักในการเล่นมายากลของเขาหายไป เขาจึงได้ปั่นจักรยานไปทั่วเมืองเพื่อตามหาปลอกนิ้วอันใหม่ จนไปหยุดที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้เจอกับ “รูธ” หญิงสูงวัยในร้านมายากลนั้น และรูธได้สอนบทเรียนอันล้ำค่าให้แก่เขา

จิม ได้เรียนรู้สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดและชีวิตเขาได้ จากเด็กที่มีปัญหากลายเป็นนักเรียนที่ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้น จนเขาสามารถเป็นศัลยแพทย์ระบบประสาทที่มีชื่อเสียง

บทเรียนแรกที่รูธสอนจิมคือ ‘การผ่อนคลายร่างกายโดยใช้สมาธิ’

การทำสมาธิสามารถปลดปล่อยคุณจากความคิดที่คุณไม่ต้องการได้ ซึ่งบางทีมันกำลังควบคุมคุณมากจนเกินไป จนทำให้เกิดความเครียดสะสม โดยประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก คือ 1) การผ่อนคลายร่างกาย 2) การทำจิตใจให้สงบ

เริ่มจากให้คุณนั่งลงบนเก้าอี้หรือพื้น แล้วผ่อนคลายร่างกายทีละส่วน: ตั้งแต่ปลายเท้าไปจนถึงเส้นผมบนศีรษะ เพื่อให้มีสมาธิอยู่กับร่างกายและช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่หลงไปกับความคิดที่ทำให้เสียสมาธิ

มีสมาธิกับการหายใจเข้า และออกช้าๆ
หรือบางคนอาจชอบการจดจ่อกับวัตถุ
เช่น เปลวเทียน หรือท่องประโยคหนึ่ง
ที่เสมือนเป็นมนต์พิเศษซ้ำๆ ก็ได้

การทำสมาธิต้องใช้เวลาและการฝึกฝน ยิ่งคุณทำเป็นประจำมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนังสือแนะนำให้คุณควรเริ่มทำวันละ 2 ครั้ง และเมื่อฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง คุณจะเริ่มสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ในไม่ช้า

ในที่สุด เวลานั้นจะปรากฏขึ้น เมื่อความคิดเชิงลบหรือความเครียดเข้ามามันจะหายไปจากคุณอย่างรวดเร็ว เพราะคุณจะสามารถสงบสติอารมณ์ได้ดีนั่นเอง

2. “เพื่อให้การทำสมาธิมีผลในเชิงบวกอย่างแท้จริง
จงทำตามหัวใจของคุณเอง”

แม้ว่าการทำสมาธิ จะมีประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็ต่อเมื่อมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคุณ

สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนได้ตระหนักคือ ทุกอย่างย่อมมี 2 ด้านเสมอ แม้การทำสมาธิจะทำให้จิตใจแข็งแกร่งขึ้น แต่ความสามารถนี้ ก็สามารถนำมาใช้โฟกัสและบรรลุวัตถุประสงค์ “ในทางที่ไม่ดี” พอๆ กับ “ในทางที่ดี” ได้เช่นกัน

หากคุณตั้งใจที่จะหาเงิน โดยต้องการให้คนอื่นต้องเดือดร้อน การทำสมาธิ ก็จะหมายถึงความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นจริงมากขึ้น เป็นเวลาหลายปี ที่ Dr. James R. Doty ผู้เขียน แม้ว่าเขาจะมีรายได้มาก ซึ่งมีมูลค่าถึง 75 ล้านเหรียญ แต่เขาก็ยังรู้สึกพึงพอใจเพียงเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจความผิดพลาดของเขา

นั่นคือ เขาละทิ้งหัวใจของตน

แล้วใช้เพียงสมองในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ

ความจริงก็คือ ปัญญาไม่ใช่แค่เรื่องของสมองเท่านั้น ปัญญาและความเฉลียวฉลาดที่แท้จริงมาจากหัวใจของเรา มากพอๆ กับที่มันมาจากความคิด

3. “หัวใจจะนำทางและเชื่อมต่อกับสมอง
สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานของสมองได้”

ในทางวิทยาศาสตร์ ถ้าหัวใจไม่เต้น
เราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้
แต่ในเส้นทางของชีวิต
ถ้าคุณไม่ได้ให้สำคัญกับ “หัวใจคุณเอง”
คุณจะรู้สึกว่าโลกนี้ไร้ค่า หรือมีบางอย่างที่ขาดหายไป


“สมอง และ หัวใจ”
แม้ว่าอวัยวะทั้งสองนี้มีความสำคัญ แต่การวิจัยพบว่า หัวใจสามารถส่งข้อมูลไปยังสมองได้มากกว่าวิธีอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน คนส่วนใหญ่พบว่า

อารมณ์’ ควบคุมความคิด

มากกว่า ‘การมีความคิด’ อยู่เหนืออารมณ์

ดังนั้นการทำสมาธิ จึงมีประโยชน์ในการแก้ปัญหาความไม่สมดุลนี้ได้

The vagus nerve หรือเส้นประสาทวากัส เป็นส่วนสำคัญของระบบประสาทของร่างกายที่เชื่อมโยงระหว่างหัวใจและจิตใจผ่านการเชื่อมต่อที่ก้านสมอง หน้าที่อย่างหนึ่งของเส้นประสาทวากัสคือ การส่งข้อมูลไปยังหัวใจ หรือส่งออกจากหัวใจเมื่อภัยคุกคามปรากฏขึ้น เมื่อความดันโลหิตสูงขึ้นเนื่องจากถูกคุกคาม โดยหัวใจจะส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาทเวกัสไปยังสมองเพื่อกระตุ้นการตอบสนองต่อสภาวะ Fight or Flight (การต่อสู้ หรือการหลบหนี) ซึ่งหากเราฝึกควบคุมการหายใจผ่านการทำสมาธิ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจของเราก็จะไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะไม่มีการส่ง message ไปยังสมอง เพื่อเข้าสู่โหมดสู้หรือหนี เราจะยังคงสงบ ผ่อนคลายและมีความเครียดในชีวิตประจำวันน้อยลง

4.”ปล่อยให้ความเห็นอกเห็นใจเป็นผู้ตัดสินใจ
สิ่งนี้จะทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น”

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ที่มีความปรารถนาโดยธรรมชาติที่จะเชื่อมต่อกับผู้อื่น
แก่นแท้ของความปรารถนานี้ คือ ‘ความเห็นอกเห็นใจ
ซึ่งเป็นแรงผลักดันเบื้องหลัง
สัญชาตญาณทางสังคมของเรา

ความเห็นอกเห็นใจ ยังสามารถบอกถึงการตัดสินใจของคุณได้ ไม่ว่าการตัดสินใจเหล่านั้นจะเป็นผลมาจากการตอบสนองทางอารมณ์ หรือการพิจารณาอย่างมีเหตุผลก็ตาม

จากการศึกษาทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์ แสดงให้เห็นว่า เมื่อมีคนให้ของขวัญ ศูนย์กลางความสุขของผู้ให้จะทำงานมากกว่าศูนย์กลางของผู้รับ แม้ว่าความจริงแล้วการเปิดใจจะมีความเสี่ยง มันอาจทำให้เราอ่อนไหวต่อโลกอันโหดร้าย แต่ก็คิดว่า ‘การเปิดใจ’ มันยังเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่า

5.“มีเมตตาต่อผู้อื่นอยู่เสมอ”

คุณอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “nice guys finish last”
ซึ่งเป็นสำนวนที่แปลได้ว่า ‘คนที่ดีมักจะเป็นผู้แพ้เสมอ’

แต่คำพูดที่ถูกต้องกว่าก็คือ
‘คนที่มีความเห็นอกเห็นใจ
จะเป็นคนที่ยืนหยัดคนสุดท้าย’

แต่การตัดสินใจของคนจำนวนมาก มักขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า “survival of the fittest,” ผู้ที่เหมาะสมที่สุด ถึงจะอยู่รอด หรือแม้แต่ กฎการคัดเลือกตามธรรมชาติ

พวกเขาเชื่อว่า มันจำเป็นต้องใช้การกระทําที่เห็นแก่ตัวและไร้ความปราณีเพื่อให้ตนเอง หรือสายพันธ์เหลือรอดได้ แต่แท้จริงแล้ว ความอยู่รอดของมนุษย์นั้นเกี่ยวข้องกับความเห็นอกเห็นใจ

หลายปีที่ผ่านมาการก่อตัวของชุมชน และการขัดเกลาทางสังคม ทำให้มนุษยชาติประสบความสำเร็จ ไม่ใช่พฤติกรรมโดดเดี่ยว หรือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่เป็นการที่ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่ม มีการดูแล และช่วยเหลือกันในยามฉุกเฉิน ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มนุษย์อายุยืนยาวขึ้น

อีกมุมมองของ “survival of the fittest,” อาจหมายถึง การทำงานตลอดเวลา และทําให้ตัวเองอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ความเครียดแบบนี้ส่งผลเสียต่อหัวใจ ความเครียดที่เรื้อรังเป็นเวลานาน เป็นการทำให้ร่างกายเปิดโหมดสู้หรือหนีตลอดเวลา และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Cardiac Arrest)

หัวใจที่แข็งแรงคือ หัวใจที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ผ่อนคลาย และไม่อยู่ภายใต้ความเครียดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีที่จะบรรลุสภาวะสุขภาพที่ดีได้คือ

“compassion, meditation and visualization.”
การผสมผสานระหว่าง ความเห็นอกเห็นใจ การทำสมาธิ
และการฝึกจินตนาการ
ถึงสิ่งที่คุณต้องการบรรลุในอนาคต

การผสมผสานนี้เป็นเวทมนตร์ที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งผู้เขียนได้ค้นพบมันตอนอายุ 12 ปี จาก“รูธ”

เธอจึงสอนเคล็ดลับในการผ่อนคลายร่างกาย
ทำจิตใจให้สงบ และฝึกให้จินตนาการถึงเป้าหมาย
ในขณะเดียวกัน ก็มีหัวใจที่เปิดกว้างและเห็นอกเห็นใ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Dr. Doty ได้พบว่า หลักการสำคัญเหล่านี้เป็นส่วนผสมที่น่าอัศจรรย์ ที่สามารถปลดล็อกประตูที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้

6.“วิธีการนั่งสมาธิ”

เราได้เรียนรู้ประโยชน์มากมายของการทำสมาธิไปแล้ว แต่ในข้อนี้ จะมาสอนคุณว่า คุณจะสามารถ ‘ทำสมาธิ’ ได้อย่างไร

การทำสมาธิให้ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่

1) ปลดปล่อยร่างกายของคุณจากความตึงเครียด
2) ควบคุมจิตใจของคุณ
3) ปล่อยให้หัวใจของคุณเปิดออก
4) ตั้งเป้าหมายที่จะทำอย่างชัดเจน

เริ่มจากนั่งสบายๆ ในที่เงียบๆ ที่ซึ่งคุณจะไม่ถูกขัดจังหวะ จากนั้นผ่อนคลาย คิดถึงความตั้งใจของคุณ สิ่งที่คุณต้องการบรรลุในชีวิตส่วนตัว หรืออาชีพของคุณ เมื่อคุณมีความตั้งใจที่ชัดเจนแล้ว ให้ผ่อนคลายร่างกายด้วยการหายใจเข้าลึกๆ จำนวน 3 ครั้งทางจมูก และพ่นออกทางปาก

จากนั้นให้จินตนาการว่า คุณกำลังมองดูตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ และเริ่มผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ไล่ตั้งแต่บริเวณนิ้วเท้าแต่ละนิ้วแล้วค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกายทั้งหมด หลังจากที่คุณผ่อนคลายร่างกายจนถึงกล้ามเนื้อใบหน้าและหนังศีรษะแล้ว ลองนึกภาพการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหัวใจขณะหายใจดู

โดยธรรมชาติแล้ว มันยากที่จะห้ามจิตใจของคุณไม่ให้ฟุ้งซ่าน มันมักจะผุดขึ้นมาตลอดเวลาเมื่อคุณพยายามผ่อนคลาย เมื่อพวกมันปรากฏขึ้น ให้คุณอย่ายึดติด แต่ให้ค่อยๆ ปล่อยมันไป และกลับมาจดจ่ออยู่กับร่างกายของคุณ

เมื่อร่างกายของคุณผ่อนคลาย และความคิดของคุณหยุดนิ่งแล้ว

คุณจะสามารถนึกถึง ‘คนที่คุณรัก’
และ ‘คนที่รักคุณ’ อย่างไม่มีเงื่อนไข

จงเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกอบอุ่นนั้น

คราวนี้ อยากให้คุณลองเพิ่มรายละเอียดให้กับ ‘ความรู้สึกถึงอารมณ์ของความสำเร็จ’ โดยใช้เวลา 10 ถึง 30 นาที 2-3 ครั้งต่อวัน แล้วคุณจะพบว่าภาพนั้นชัดเจนและชัดเจนมากขึ้น เหมือนที่ Dr. Doty ได้ฝึกมันจนเป็นกิจวัตรประจำวัน จนทำให้เขาได้ยืนอยู่ในจุดที่เขาวาดฝันไว้

แชร์บทความนี้

บทความล่าสุด

NLP
ศาสตร์ NLP : สมรรถนะที่คุณควรรู้ เครื่องมือปลอดล็อกสมอง & จิตใต้สำนึก
ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทายของชีวิตประจำวัน เราต้องการเครื่องมือและเทคนิคที่ช่วยให้เราปรับตัวและเติบโตไปพร้อมๆ...
อ่านต่อ...
Coaching
ศาสตร์แห่งการ Coaching ทักษะของผู้นำในศตวรรษที่ 21
ถ้าพูดถึง Coaching บางคนอาจนึกถึงคนที่เป็น “ไลฟ์โค้ช” ที่พูดคำคม หรือสอนแนวคิดให้คนฟัง แต่จริงๆ...
อ่านต่อ...
วะบิซะบิ_wabi sabi
7 บทเรียนจากปรัชญา วะบิ- ซะบิ ความสุขของการยอมรับ "ความไม่สมบูรณ์แบบ"
ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนรอบตัวดูสมบูรณ์แบบไปหมด “ยกเว้นตัวเราเอง” พอไถฟีดโซเชียล ก็จะเห็นแต่ทุกคนที่ดูมีความสุข...
อ่านต่อ...
บทความที่เกี่ยวข้อง
NLP
ศาสตร์ NLP : สมรรถนะที่คุณควรรู้ เครื่องมือปลอดล็อกสมอง & จิตใต้สำนึก
ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความท้าทายของชีวิตประจำวัน เราต้องการเครื่องมือและเทคนิคที่ช่วยให้เราปรับตัวและเติบโตไปพร้อมๆ...
อ่านต่อ...
วะบิซะบิ_wabi sabi
7 บทเรียนจากปรัชญา วะบิ- ซะบิ ความสุขของการยอมรับ "ความไม่สมบูรณ์แบบ"
ในโลกปัจจุบันที่ทุกคนรอบตัวดูสมบูรณ์แบบไปหมด “ยกเว้นตัวเราเอง” พอไถฟีดโซเชียล ก็จะเห็นแต่ทุกคนที่ดูมีความสุข...
อ่านต่อ...
12 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน by Dale Carnegie
12 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน by Dale Carnegie
12 วิธีชนะมิตรและจูงใจคน by Dale Carnegie (How to Win Friends and Influence People) 1. หลีกเลี่ยงการโต้แย้ง 2....
อ่านต่อ...