ในศตวรรษที่ 19 นักปรัญญาชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า “Henry David Thoreau” ได้บรรยายถึงประสบการณ์ของเขาในการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายใกล้กับทะเลสาบวอลเดน ในเมืองคองคอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตให้ช้าลง และการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
เขาเชื่อว่า วิถีชีวิตที่เร่งรีบของสังคมขัดขวางการใช้ชีวิตที่แท้จริง และเราควรทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นเพื่อสัมผัสความสุขอย่างแท้จริง
เขาได้กล่าวส่วนหนึ่งไว้ในหนังสือวอลเดนว่า
“. . ข้าพเจ้าไปสู่ป่า
ก็ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างลุ่มลึก
เพื่อเผชิญกับสิ่งอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สุดของชีวิตเท่านั้น
เพื่อลองดูว่า ข้าพเจ้าจะสามารถเรียนรู้
ในสิ่งซึ่งสมควรจะได้รู้หรือไม่และเพื่อว่า เมื่อถึงวันที่จะต้องตายไป
ข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องพบว่า
ตนยังไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างแท้จริงเลยข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างที่มิใช่ชีวิต
ด้วยว่าการมีชีวิตอยู่นี้เป็นสิ่งมีค่ายิ่ง
ทั้งข้าพเจ้าก็มิได้ต้องการที่จะปลีกเร้นตนไปอยู่เพียงลำพัง
นอกเสียจากไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เท่านั้นข้าพเจ้าปรารถนาที่จะดิ่งลงในชีวิต
ดูดดื่มแก่นแท้ที่สุดของมัน
มีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายสมถะ
และทรหดอดทนเยี่ยงชาวสปาร์ตานเพื่อขจัดสิ่งอันฟุ่มเฟือยไร้สาระออกไป
เพื่อต้อนชีวิตไปให้ถึงมุมอับ
และลดทอนมันให้ตํ่าต้อยถึงที่สุด
และถ้าหากว่า ชีวิตได้พิสูจน์ให้ประจักษ์ว่า
เป็นสิ่งอับจนแร้นแค้นแล้วไซร้
เหตุใดจึงไม่คั้นเอาความแร้นแค้นอันแท้จริงออกมาเล่า
และนำมันมาตีแผ่ให้โลกรับรู้หรือถ้าหากว่าชีวิตเป็นสิ่งสูงส่งเรืองโรจน์
ก็ขอให้ได้ทดลองให้รู้จริง
เพื่อว่าจะได้สามารถรายงานออกมาได้อย่างเที่ยงตรง
ในการเดินทางแสวงหาครั้งหน้า . . . ” – Henry David Thoreau
ธอโรเชื่อว่า การที่เราใช้ชีวิตช้าลงและทำให้ชีวิตง่ายขึ้นจะทำให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ และค้นพบตัวตนภายในของเราได้มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงสนับสนุนให้ผู้คนตัดขาดจากสิ่งรบกวนของชีวิตสมัยใหม่ เช่น
- เทคโนโลยี
- การบริโภคนิยม
- ระบบทุนนิยม
แล้วหันมาสนใจความสุขที่เรียบง่ายของชีวิตแทน
เช่น
- การทำงานที่มีความหมาย
- ใช้เวลากับธรรมชาติ
- เชื่อมต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง